"ฟารีดา" ในภาษาอาหรับแปลว่า "หนึ่งเดียว" นี่คือชื่อที่ "กษัตริย์ฟารูก" แห่งอียิปต์ได้พระราชทานให้หญิงสาวสามัญชนนาม "ซาฟินาซ ซุลฟิการ์" เมื่อทรงเลือกเธอเป็นพระมเหสีองค์แรก และกลายเป็นพระราชินีแห่งอียิปต์ที่ชาวอียิปต์รักใคร่ในพระจริยวัตรอันงดงาม จนกระทั่งเผชิญกับความผันแปรของชีวิต เมื่อต้องทรงหย่าร้างกลับกลายเป็นสามัญชน

    ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วอียิปต์ถึงอาการพระประชวรของกษัตริย์ฟูอาดทรุดหนัก จนแพทย์ผู้ถวายการรักษาเกรงว่าพระองค์อาจจะไม่รอด และวันที่ 27 เมษายน ค.ศ.1936 กษัตริย์ฟูอาดก็สิ้นพระชนม์ เจ้าชายฟารูกเป็นผู้สืบราชบัลลังก์ด้วยพระชนม์มายุเพียง 17 พรรษาต พระองค์ทรงได้รับความเคารพรักจากประชาชน แต่ถึงกระนั้นก็เกิดการแย่งชิงอำนาจ ด้วยเห็นว่าพระองค์ยังมีพระชันษาน้อยเกินไปที่จะปกครอง จึงตกลงให้พระองค์ไปศึกษาต่อที่ยุโรป โดยมีพระกนิษฐาไปด้วย "ซาฟินาซ ซุลฟิการ์" วัยเพียง 15 ปี เพื่อนเล่นกับน้องสาวของพระองค์ก็ไปด้วยเช่นกัน เด็กสาวหารู้ไม่ว่าวินาทีที่เธอเดินขึ้นไปบนเรือ เงาโศกได้ทอดทาบมาสู่เส้นทางชีวิตของเธอโดยที่ไม่รู้ตัว เพราะพระมารดาได้ทรงตัดสินใจเลือกซาฟินาซเป็นเจ้าสาวของพระโอรสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พิธีราชาภิเษกถูกจัดขึ้นแบบเรียบง่ายและใช้เวลาสั้นที่สุด หลังจบพิธีพระฐานะของพระองค์เปลี่ยนไป มิได้เป็นมกุฎราชกุมารอีกต่อไป แต่ทรงเป็นกษัตริย์ฟารูกที่ 1 แห่งอียิปต์และซูดานโดยสมบูรณ์ ซาฟินาซ ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "ฟารีดา ซุลฟิการ์" ตามหลักความเชื่อของกษัตริย์องค์ก่อน ชาวอียิปต์เปิดหัวใจรับเธอไว้หมดทุกห้องหัวใจ ด้วยความอ่อนโยนน่ารัก

    ท่ามกลางความสุขที่ท่วมหัวใจ ฟารีดาได้ใกล้ชิดกับกษัตริย์ฟารูกทำให้เธอมองเห็นพฤติกรรมแปลกประหลาด กษัตริย์ฟารูกโปรดออกคำสั่งกับทุกคนแม้แต่ตัวเธอเอง และทุกคนต้องปฏิบัติตามทันทีโดยไม่มีข้อโต้แย้งทั้งสิ้น ที่ร้ายกว่านั้น กษัตริย์ฟารูกปฏิบัติกับเธอเป็นแค่ทาสรับใช้ ห้ามไม่ให้เถียงหรือมีอำนาจตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ด้วยตนเอง แต่มีผู้รู้ยืนยันว่า ฟารีดา คือรักแรกและรักเดียวของกษัตริย์ฟารูก แต่เหตุอันใดที่ทำให้รักของทั้งคู่ถึงต้องแยกร้าง ทั้งๆ ที่มีพระราชธิดาถึง 3 พระองค์

    "สาวผู้โชคดีที่ทำให้ผู้หญิงทั่วโลกต้องอกหักเป็นแถว" คือพาดหัวข่าวของสื่อมวลชนในยุคนั้น เมื่อกษัตริย์หนุ่มฟารูกแห่งอียิปต์ ทรงเลือกหญิงสามัญชนผู้เป็นเพื่อนวัยเด็กของพระกนิษฐามาเป็นมเหสี หากแต่ต้นรักที่พระองค์ทรงปลูกกับพระราชินีฟารีดาต้องเผชิญลมพายุจนไม่อาจที่ฝ่าฟันมรสุมชีวิตไปได้ จากราชินีก็กลับกลายเป็นสามัญชน และพบความสุขด้วยการเป็นศิลปินนักวาดรูปจวบจนวาระสุดท้ายของชีวิต