สำหรับมือใหม่ปัญหาหลักที่มักเจอกันคือไม่รู้จะเปิดร้านอย่างไรดี จะเข้าไปเปิดร้านในแหล่งช็อปปิ้งออนไลน์ยักษ์ใหญ่อย่าง Lazada หรือ Shopee ก็มีการหักส่วนแบ่ง การลงขายสินค้าก็ค่อนข้างยุ่งยาก ยังไม่นับเงื่อนไขอีกมากมายที่ต้องปฏิบัติตาม หรือถ้าจะเปิดร้านผ่านโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook Page เราก็จะได้หน้าตาร้านที่เหมือน ๆ กันหมด วันดีคืนดีก็อาจถูกปิดเพจได้ถ้าเผลอทำผิดกฎเข้า แล้วถ้าไม่จ่ายเงินลงโฆษณา โพสต์ก็มักเข้าถึงลูกค้าน้อยยิ่งกว่านั้น
ทางเลือกที่ง่ายกว่า ดีกว่า และยั่งยืนกว่าคือ เราควรสร้างเว็บไซต์ที่เป็นร้านออนไลน์ของเราเองขึ้นมาเลยค่ะ เสียเวลาทำแค่ครั้งเดียว แต่ขายของออนไลน์ไปได้ยาว ๆ และเครื่องมือที่ใช้เปิดร้านออนไลน์ได้ง่ายที่สุดก็ต้องยกให้ WooCommerce (และ WordPress) ต่อให้คุณไม่เคยสร้างเว็บไซต์มาก่อน เขียนโค้ดอะไรไม่เป็นเลย คุณก็เปิดร้านด้วยตัวเองได้แน่นอน ที่สำคัญคือร้านออนไลน์ของเราจะมีหน้าตาและความสามารถระดับมืออาชีพไม่น้อยหน้าใครเลย!
บทที่ 1 เริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress กันก่อน
บทที่ 2 ใช้งานเว็บไซต์ WordPress ในเบื้องต้นให้เป็น
บทที่ 3 เปลี่ยนเว็บไซต์เป็นร้านออนไลน์ด้วย WooCommerce
บทที่ 4 เริ่มลงขายสินค้าในร้านออนไลน์ WooCommerce
บทที่ 5 จัดการสินค้าในร้านแบบมือโปร
บทที่ 6 เตรียมช่องทางชำระเงินไว้ให้ลูกค้า
บทที่ 7 เตรียมรูปแบบการจัดส่งสินค้าให้พร้อม
บทที่ 8 ปรับแต่งการแสดงผลของร้านออนไลน์
บทที่ 9 จัดการออร์เดอร์ คูปอง และสมาชิกของร้าน
ISBN | : 9786167809342 (ปกอ่อน) 224 หน้า |
ขนาด | : 145 x 210 x 12 มม. |
น้ำหนัก | : 295 กรัม |
เนื้อในพิมพ์ | : ขาวดำ |
ชนิดกระดาษ | : กระดาษปอนด์ |
สำนักพิมพ์ | : อินเทรนด์, สนพ. |
เดือนปีที่พิมพ์ | : 6/2020 |