การทำหนังสือประกอบด้วยองค์ประกอบ 4 เรื่อง คือ เนื้อหาดี ประเด็นโดนใจ ทำให้เสร็จ แจ้งเกิด
หนังสือที่คุณเขียนก็มีช่องทางเสนอผลงาน ได้หลายช่องทาง หากคุณเสนองานแล้วสำนักพิมพ์ไม่เอาคุณก็ยังมีทางเลือกใน การทำหนังสือขายเอง หรือที่เรียกกันว่า “Self-publishing”

แต่การที่คุณจะทำหนังสือเองทั้งกระบวนการ ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงจำหน่าย คุณต้องมีความรู้เพิ่มเติมในหลาย ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการจัดหน้า การหารูปประกอบ เรื่องลิขสิทธิ์ การทำหน้าปก การขาย รวมไปถึงการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ซึ่งหากขาดข้อใดข้อหนึ่งไปอาจทำให้หนังสือที่คุณทำขายเองไม่ประสบความสำเร็จได้

เมื่อคุณนำเคล็ดลับ และเครื่องมือในหนังสือเล่มนี้ไปใช้มันจะเปลี่ยนคุณจากนักเขียนมือสมัครเล่น หรือนักเขียนทั่วไป ให้กลายเป็นนักเขียนมืออาชีพจากงานประจำที่คุณทำอยู่ แล้วการเป็นนักเขียน เพื่อสร้าง Passive Income ไม่ว่าจะผ่านสำนักพิมพ์ หรือแบบ Self-publishing น่ะ
… มันจะเป็นเรื่องง่าย ๆ

ส่วนที่ 1 : เนื้อหาดี 21
•ตั้งเป้าหมาย แล้วก้าวไปให้ถึง 22
•คุณสมบัติที่นักเขียนควรจะมี 25
•ทำ e-book น่ะมันไม่ยากใช่ไหม 28
•เนื้อหาของ e-book ต่างจากหนังสือกระดาษอย่างไร30
•เรื่องที่ต้องระวังในการขาย e-book 33
•หา New Input เพิ่มความรู้ทางด้านภาษา และพื้นฐานการเขียน35
•มีวิธีไหนบ้างที่ทำให้เขียนได้ง่าย ๆ39
•“Route” หรือ “Root” คืออะไร42
•ข้อควรคิดสำหรับนักเขียน44
•ก่อนเขียนหนังสือ ตอบคำถามเหล่านี้ได้แล้วหรือยัง48
•ตอบได้ครบ 9 ข้อ เห็นช่องทางสำเร็จ50
•คุณพร้อมเป็นนักเขียนแล้วหรือยัง56
•คนเราแต่ละคนเป็นครูกันคนละอย่าง59
•อยากเขียนแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร62
•“สรรพนาม” เรื่องง่าย ๆ ที่หลายคนพลาด64

ส่วนที่ 2 : ประเด็นโดนใจ 67
•ทำอย่างไรให้ “สารบัญ” น่าสนใจและดึงดูด68
•คิดเรื่องที่จะเขียนไม่ออก ลองตั้งคำถามอย่างนี้ดีไหม70
•เฝ้ามองอันดับขายดี เพื่อดูความต้องการของผู้อ่าน71
•ดูอะไรในหนังสือที่ติดอันดับขายดี74
•อันดับขายดีของหนังสือบอกอะไรเราบ้าง76
•ชื่อเรื่องนั้นสำคัญแค่ไหน78
•ชื่อที่สร้างพลังดึงดูด80
•ตั้งชื่อหนังสือ...ง่าย ๆ ด้วย Keyword83
•ส่วนหน้าของหนังสือบอกอะไร85
•จะดีไหมถ้าจะเขียนเนื้อหาแต่ละตอนไม่มาก89
•จะเขียนเรื่องอะไรดี93
•ทำไมเนื้อหาที่จะเขียนไม่มีอยู่ในตลาด96
•ประเด็นของเรื่องที่จะเขียน99
•คิดประเด็นไม่ออก…ทำไงดี102
?

ส่วนที่ 3 : ทำให้เสร็จ 107
•กว่าจะเป็นหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊ค108
•นักเขียนได้ค่าเรื่องเท่าไร110
•ทำหนังสือแต่ละเล่มสำนักพิมพ์ต้องลงทุนเท่าไร112
•สีกับการสื่ออารมณ์115
•หาภาพฟรีมาใช้ได้จากที่ไหน119
•การค้นหารูปภาพด้วย Google เพื่อใช้ประกอบข้อความ123
•โปรแกรมออกแบบปกแบบ 2D และ 3D ทั้งฟรีและไม่ฟรี126
•ISBN : หมายเลขมาตรฐานสากลประจำหนังสือ130
•การสร้าง ISBN Barcode และ QR Code138
•การย่อ URL ให้สั้นลง147
•เรื่องที่นักเขียนควรตระหนัก153

ส่วนที่ 4 : แจ้งเกิด155
•มีช่องทางหลากหลายให้รวยได้ไม่ง้อสำนักพิมพ์156
•Print-on-demand คืออะไร159
•การทำหนังสือแบบ Print-on-demand162
•ข้อแนะนำสำหรับเตรียมไฟล์สำหรับสั่งพิมพ์แบบ
Print-on-demand164
•Print-on-demand ต้นทุนเล่มละเท่าไร168
•ขนาดของหนังสือเท่าไรถึงจะดี171
•ช่องทางขาย e-book มีทางไหนบ้าง174
•การขาย e-book ที่ Ookbee Writer176
•การขาย e-book ที่ Mebmarket196
•การนำงานเขียนไปเสนอสำนักพิมพ์211

ส่วนที่ 5 : ภาคทฤษฎี 217
•ชนิดของไฟล์ e-book218
•การเขียนคำนำ223
•คำไทยที่มักเขียนผิด225
•การใช้ “คะ” กับ “ค่ะ”226
•คำฟุ่มเฟือย227
•สำนวน (Style) ที่ดี230
•ความหมายของคำว่า “หน้ายก”232
•คำศัพท์ที่เกี่ยวกับลิขสิทธิ์235
•ไขปัญหาเรื่องภาษีของนักเขียน237

คำแนะนำเรื่องการเขียน จากนักเขียนผู้มีชื่อเสียง246
การลงมือทำเป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จ253

จะเขียนหนังสือให้ดีได้อย่างไร?
จะเขียนหนังสืออย่างไร ให้สำนักพิมพ์ยอมรับ?
จะเขียนหนังสืออย่างไรให้เป็นที่ถูกใจผู้อ่าน?
จะเขียนหนังสืออย่างไร ให้ขายได้ติดอันดับ Best Seller?

คำถามเหล่านี้คงเป็นคำถามของที่อยู่ในใจ
ของนักอยากเขียน และนักเขียนตลอดมา
เป็นคำถามที่หลายคนอยากหาคำตอบ
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหาคำตอบได้จากที่ไหน

สำหรับการเป็นนักเขียนมือใหม่ ยังไม่ต้องพูดถึงการเขียนหนังสือเป็นเล่มหรอก แค่จะเขียนหนังสือออกมาสักหน้าสองหน้า ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรแล้ว เรื่องเขียนให้สำนักพิมพ์ยอมรับ หรือให้เป็นที่ถูกใจผู้อ่าน ดูจะอยู่อีกห่างไกล ยิ่งจะเขียนให้ขายดีติดอันดับ Best Seller นั้น ไม่รู้เลยว่าจะเห็นได้ในชาตินี้ หรือต้องรอชาติหน้า

สำหรับนักเขียนมือใหม่การเขียนพ็อกเก็ตบุ๊คขี้นมาสักเล่ม มันเหมือนราวกับว่า คุณถูกทิ้งอยู่ในป่า ในคืนข้างแรม ไม่มีไฟฉาย ไม่มีเทียนไข ไม่มีเครื่องมืออะไรเลย กลัวก็กลัว… กลัวจะเดินสะดุดหกล้ม กลัวจะเดินไปเหยียบกับดักสัตว์ กลัวจะถูกสัตว์ป่าทำร้าย กลัวจะเดินตกเหว มันรู้สึกกลัวไปเสียทุกอย่าง กลัวจนไม่กล้าที่จะขยับขาเดินเลย

แต่… ถ้าคุณไม่กล้าที่จะเริ่ม
แล้วคุณจะเป็นนักเขียนได้อย่างไรล่ะ?

หนังสือเล่มนี้แหละจะช่วยชี้ทางสว่างให้คุณ จะทำให้คุณขยับเดินได้อย่างมั่นใจ และในไม่ช้าคุณก็อาจจะวิ่งเร็วกว่านักวิ่งโอลิมปิค เสียอีก (ไม่ใช่วิ่งหนีเสือที่ไล่คุณนะ 555)

สำหรับผู้ที่เป็นนักเขียนอยู่แล้ว คุณมั่นใจได้อย่างไรว่า งานเขียนที่คุณเขียนอยู่นั้นดีพอแล้ว เวลาที่คุณเขียนคุณใช้อะไรอะไรมาวัดล่ะว่างานเขียนคุณใช้ได้แล้วหรือยัง อย่าตอบนะว่า “ก็ผู้อ่านไง” แต่ที่ผมหมายถึงก็คือ ถ้าผู้อ่านงานของคุณบอกว่าดีแล้ว คุณก็จะหยุดอยู่แค่นั้นหรือ ถ้ามีคนมาบอกเคล็ดลับที่จะทำให้คุณสามารถเขียนหนังสือได้ดีขึ้นกว่าเดิม เขียนหนังสือให้น่าสนใจขึ้น คุณจะสนใจไหม?

ทั้งหมดนี้มันอาจจะไม่สวยหรูอย่างที่เขียน เพราะที่ผมบอกว่าเคล็ดลับน่ะ ความจริงมันก็ไม่ลับอะไรนักหนาหรอก เพราะเรื่องที่ผมจะบอกนี่ หลาย ๆ คนก็รู้อยู่แล้ว แต่ไม่นำไปใช้ ไม่นำไปปฏิบัติก็เท่านั้นเอง

แล้วทีนี้คุณคิดออกหรือยังล่ะว่า…
จะเริ่มต้นการเป็นนักเขียนของคุณอย่างไรดี?

ถ้าคุณค่อย ๆ อ่านหนังสือเล่มนี้ คิดตามไป แล้วนำไปปฏิบัติ นำไปปรับใช้ ตกผลึกเป็นตัวตนของคุณเอง ในไม่ช้างานเขียนของคุณก็จะเป็นงานเขียนที่ทรงพลัง มีแรงดึงดูด ดึงผู้อ่านให้มาติดตามงานเขียนของคุณเองแหละ

ถ้าคุณเป็นนักเขียนที่เคยมีงานเขียนตีพิมพ์มาแล้ว คุณก็คงจะรู้ดีว่า กว่าที่งานเขียนของคุณจะได้รับการตีพิมพ์นั้น มันต้องเดินทางผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ต้องเอาไปเสนอสำนักพิมพ์นั้น สำนักพิมพ์นี้ หลายครั้งที่งานเขียนของคุณกลายเป็นอาชีพเสริมของแม่บ้านของสำนักพิมพ์ได้เอาไปชั่งกิโลขาย หลายครั้งที่ต้องแก้แล้วแก้อีก เหนื่อยแสนเหนื่อยกว่าหนังสือที่เขียนจะได้รับการตีพิมพ์ ค่าต้นฉบับก็ได้มาแค่นิดเดียว

แต่เมื่อคุณอ่านหนังสือเล่มนี้จบแล้วนำไปลงมือปฏิบัติ เมื่อคุณสามารถให้สิ่งดี ๆ กับผู้อ่านของคุณ ทำให้ผู้อ่านเกิดความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้ อีกไม่นานคุณก็จะสามารถเป็นนักเขียนมือทองที่ผู้อ่านให้ความสนใจติดตามงานเขียนของคุณ

เมื่อถึงเวลานั้น ไม่ว่าคุณจะหนีอย่างไร
คุณก็จะไม่สามารถหนีความสำเร็จที่ตามติดคุณได้พ้น
ผู้อ่านจะตั้งตารอ สำนักพิมพ์จะมากราบกรานคุณ
เพื่อของานเขียนคุณไปตีพิมพ์

…อีกไม่นานเลย
ผมเชื่ออย่างนั้น