เมื่อโลกประสบวิกฤติพลังงาน นักวิทยาศาสตร์ภายใต้มูลนิธิการกุศลจอมปลอม จึงเดินทางเข้าไปยังวิหารลับใต้ทะเล เป้าหมายของพวกเขาคือคือ ผลึกแสงแห่งแอตลาสแหล่งพลังงานโบราณของดินแดนที่สาบสูญ แอตแลนติส ทว่า กลับไม่มีใครผ่านการทดสอบจาก เนมเมซิส เทพีผู้ปกปักษ์วิหารลับใต้ทะเลได้
    แปดปีต่อมา...วาโย   สัตตบุษย์ เด็กหนุมขี้ขลาดผู้มีร่างกายอ่อนแอ ได้พบกลับเด็กสาวลลึกลับคนหนึ่งที่พาเขาเข้าไปพัวพันกับการแย่งชิง ผลึกแสงแห่งแอตลาส อย่างช่วยไม่ได้!!
    วาโยจะทำอย่างไร...เมื่อสวรรค์จงใจให้เขาเป็นผู้ถือกุญแจของ เฮอร์เมส เทพเจ้าแห่งการสื่อสารของชาวกรีกซึ่งเป็นกลไกลสำคัญในการไขปริศนา ที่จะนำผลึกแสงนั้นออกมาจากวิหารลับใต้ทะเล ภาระอันหนักหนาสาหัสที่เด็กหนุ่มต้องแบกรับจะพลิกชีวิตของเขาไปเช่นไร...เชิญพบกับไซไฟ-แฟนตาซีสายพันธุ์ไทยที่จะนำคุณไปสู่ความเข้าใจที่ว่า...
    เรื่องลี้ลับทางศาสนา เป็นแค่เหรียญคนละด้านกับวิทยาศาสตร์เท่านั้น!!!   AB...

- ติดปีก
- ร่องรอย
- คำทำนาย
- กล่องก้อนหิน
- สิ่งที่จะเกิดขึ้น
- จนได้
- วิทยาการแห่งอดีต
- จับจ้อง

ขึ้นชื่อว่า เหรียญ ย่อมไม่พ้นที่จะต้องมีสองด้าน เปรียบประดุจความมืดและความสว่าง มีความดีย่อมมีความเลว หรือแม้กระทั้งเพศหญิงหรือเพศชาย เป็นต้น ปฏิสัมพันธ์ของคู่ตรงข้ามต่าง ๆ ได้เป็นพลวัตที่ผลักดันโลกให้หมุนเรื่อยมา และจะคงอยู่เช่นนี้เป็นนิจนิรันดร์
ศาสนาและวิทยาศาสตร์ก็เปรียบดั่งสิ่งที่อยู่ฟากตรงข้ามของเหรียญเดียวกัน คนทั่วไปอาจจะเห็นว่ามันไม่เกี่ยวกันเท่าใดนัก เพราะวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องของปัญญา เห็นได้ชัด พิสูจน์ได้จริง ขณะที่ศาสนาถูกมองเป็นเรื่องของความเชื่อ เป็นเรื่องของศรัทธา หรือหลายครั้งก็เป็นเรื่องงมงายหาเหตุผลมิได้ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี หากศึกษาให้ลึกซึ้งแล้ว อาจกล่าวได้ว่า ทั้งสองสิ่งนี้เปรียบประหนึ่งเหรียญหนึ่งเดียวกัน เป็นคู่ตรงข้ามที่ต่างมีอิทธิพลในการขับเคลื่อนโลกเช่นกัน คำว่า ศาสนา โดยแท้แล้วแปลว่า สาระ หรือสิ่งที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์แก่การดำรงชีวิต ซึ่งมีหน้าที่อันไม่ต่างกับความรู้ในทางวิทยาศาสตร์นั่นเอง นอกจากนี้ คำสอนหลายประการของศาสนาของซีกโลกตะวันออก ซึ่งดูลึกลับเหนือธรรมชาติอย่างลมปราณในวิชาโยคะหรือชี่กงในลัทธิเต๋านั้นปัจจุบันได้รับการพิสูจน์โดยนักวิทยาศาสตร์แล้วว่าเป็นที่มีจริง สัมผัสได้ผ่านเครื่องตรวจวัดที่ละเอียดบางอย่างหรือที่รู้จักกันในนามของ ออร่า นั่นเอง